กำลัง เป็นตัวแสดงปริมาณของงานที่ทำในช่วงเวลาที่กำหนด มันคืออัตราในการทำงาน ซึ่งสามารถแสดงโดยสมการ
กำลัง (p) = งาน/เวลา = W(จูลน์)/t(วินาที)
เมื่อหน่วยวัดทางไฟฟ้ากำลังคือ วัตต์ กำลังที่ส่งแก่อุปกรณ์ไฟฟ้าจะสารถแสดงในพจน์ของกระแสและแรงดัน ในพจน์ของกระแสและแรงดันจะมาจากนิยามของความต่างศักย์ที่ว่า จะมีความต่างศักย์ 1 โวลต์ระหว่างจุดสองจุด ถ้าต้องใช้พลังงาน 1 จูลน์ในการเคลื่อนประจุ 1 คูลอมบ์จากจุดหนึ่งยังอีกจุดหนึ่ง หรือ
v = w/q
หรือ w = vq
จากนิยามของกระแสคือ จำนวนประจุที่เคลื่อนผ่าน
จุดที่กำหนดให้ใน 1 วินาที ซึ่งจะสามารถเขียนเป็นสมการได้เป็น
i = q/t
เพราะฉะนั้น จะได้ว่า
p = (vq)/(q/i) = vi
กำลังไฟฟ้าในวงจรกระแสตรง
สำหรับในวงจรกระแสตรงเราสามารถใช้กฎของโอห์มในการเขียนนิพจน์ที่แตกต่างสำหรับกำลัง
ได้เป็น
P = I2R และ P = V2/R
ในวงจรกระแสตรง เราสามารถหาค่ากำลัง
โดยการวัดพารามิเตอร์ 2 ตัวจาก 3 ตัวคือ I ,V และ R ดังนั้นเราสามารถหาค่ากำลัง
โดยการใช้แอมมิเตอร์ และโวลต์มิเตอร์กระแสตรง การใช้เครื่องวัดกระแสตรงในการวัดกำลังในวงจรกระแสตรงเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนเนื่องจากมันจะให้ความถูกต้องสูงกว่าการใช้วัตต์มิเตอร์
เนื่องจากการวัดกระแสตรงเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน
เนื่องจากมันจะให้ความถูกต้องสูงกว่าการใช้วัตต์มิเตอร์
เนื่องจากเครื่องวัดกระแสตรงจะไวกว่าวัตต์มิเตอร์และมันจะดึงกำลังจากวงวัดน้อยกว่า
การต่อเครื่องวัดตามปกติ
เพื่อวัดกำลังกระแสตรงในโหลดโดยใช้โวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์
เพราะว่าทั้งโวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์จะดึงกำลังบางส่วนจากวงจร
ดังนั้นการที่มันปรากฏอยู่ในวงจร จะทำให้เกิดค่าความผิดพลาดขึ้นบ้างในค่าที่อ่าน
เพื่อหากำลังที่ควรจะเป็นจริงที่ ใช้ไปโดย
เราจะต้องลบกำลังที่ต้องการในการทำให้โวลต์มิเตอร์ทำงานจากผลคูณ VL และ I
ตัวอย่าง โดยการใช้โวลต์มิเตอร์พิสัย
50
V ที่มีความไว 1000 โอห์ม/โวลต์ และแอมมิเตอร์พิสัย 100 mA ต่อในวงจรเพื่อวัดกำลังในโหลด ขณะนี้ถ้า โวลต์มิเตอร์อ่านค่าได้ 40 V
และแอมมิเตอร์อ่านค่าได้ 50 mA จงหากำลังที่สูญเสียไปในโหลด ดังรูป
วิธีทำ
เริ่มแรกเราหาความต้านทานภายในของโวลต์มิเตอร์
Rv = 50V*100โอห์ม/โวลต์
= 50kโอห์ม
จะได้กำลังสูญเสีญเนื่องจากโหลดและโวลต์มิเตอร์
=
40 V * 50 mA =2.00 วัตต์
เพื่อจะหากำลังสูญเสีญในโหลดอย่างเดียว
จะต้องนำเอากำลังสูญเสียเนื่องจากโวลต์มิเตอร์มาลบออก ดังนั้นกำลังสูญเสียในโหลด
P = 2.00 - 1600/50 k = 2.00-0.03 = 1.97 w
จากรูป เป็นวิธีการต่อโวลต์และแอมมิเตอร์ที่ใช้ในทางปฏิบัติ
(การต่ออีกวิธีหนึ่งคือ การต่อแอมมิเตอร์อนุกรมกับโหลด แล้วต่อโวลต์มิเตอร์ชันต์)
เนื่องจากปกติเราจะรู้ค่าความต้านทานภายในของโวลต์มิเตอร์
แต่จะไม่รู้ของแอมมิเตอร์
ความผิดพลาดที่จะเกิดกับทั้งการวัดกระแสตรงและกระแสสลับเมื่อแหล่งกำเนิดกำลังมีความต้านทานสูงหรือมีขนาดจำกัด ในลักษณะที่กำลังที่ใช้ในการทำงานของโวลต์มิเตอร์และแอมมิเตอร์มีปริมาณที่มีขนาดเป็นเศษส่วนที่พอสมควรของกำลังที่จ่ายออกมา ในกรณีเช่นนี้ แรงดัน กระแส และกำลัง จะเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการต่อเครื่องมือวัดเข้าในวงจร
เครื่องวัดกำลังไฟฟ้า
วัตต์มิเตอร์ (Wattmeter) เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้สำหรับวัดกำลังไฟฟ้า (Power) กำลังไฟฟ้าสามารถวัดได้ในรูปของแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า นำค่าที่ได้ทั้งสอง มาคำนวณหากำลัง ไฟฟ้า โดยใช้สูตรคำนวณ ดังนี้
P = EI
โดยที่
|
P คือ กำลังไฟฟ้า
มีหน่วยเป็นวัตต์ (W)
|
E คือ แรงดันไฟฟ้า
มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
|
|
I คือ กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแอมแปร์
(A)
|
รูปที่ 1 วงจรวัตต์มิเตอร์ในการต่อวัดกำลังไฟฟ้า
จากรูปที่ 1 เป็นโครงสร้างของวัตต์มิเตอร์
แบบอิเล็กโทรไดนาโมมิเตอร์ส่วนประกอบจะประกอบด้วยขดลวด 3 ขวด
ขดลวด 2 ขวดใหญ่ที่วางขนานกันจะเป็นขดลวดคงที่ (Fixed
Coils) หรือขดลวดกระแส (Current Coils) ส่วนตอนกลางของขดลวดคงที่จะมีขดลวดเคลื่อนที่ได้
(Moving Coil) หรือขดลวดแรงดัน (Voltage Coil) วางอยู่ภายในวงกลมของขดลวดคงที่
โดยที่ขดลวดเคลื่อนที่จะมีแกนยึดติดพร้อมเข็มชี้และสปริงก้นหอย
การนำอิเล็กโทรไดนาโมมิเตอร์ไปทำเป็นวัตต์มิเตอร์จะต้องต่อวงจรทั้งขดลวดคงที่และ
ขดลวดเคลื่อนที่เข้าด้วยกัน พร้อมต่อตัวต้านทาน (R) และโหลดเข้าวงจร
จึงจะได้วงจรวัตต์มิเตอร์ขึ้นมา ดังรูป วงจรวัตต์มิเตอร์ ซึ่งจะมีขั้วต่อใช้งาน 4 ขั้ว
เป็นขั้วต่อแหล่งจ่ายไฟไปต่อแหล่งจ่าย ไฟฟ้า 2 ขั้ว
และขั้วต่อโหลด 2 ขั้ว การต่อใช้งานจะต้องนำวัตต์มิเตอร์ด้านที่ต่อโหลดไปต่อเข้ากับโหลดที่ต้องการวัดกำลังไฟฟ้า
เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าวงจร ทำให้ขดลวดคงที่หรือขดลวดกระแสทั้ง 2 ขดเกิดสนามแม่เหล็กขึ้น และขดลวดเคลื่อนที่หรือขดลวดแรงดัน
ก็เกิดสนามแม่เหล็กขึ้น เช่นกัน เกิดการผลักกันของสนามแม่เหล็กระหว่างขดลวดคงที่กับขดลวดเคลื่อนที่
ทำให้ขดลวดเคลื่อนที่บ่ายเบนไป
การที่ขดลวดเคลื่อนที่จะบ่ายเบนไปมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโหลดที่นำมาต่อ
และแรงดันที่ป้อนเข้ามา
วัตต์มิเตอร์แบบอิเล็กโทรไดนาโมมิเตอร์นี้สามารถนำไปวัดกำลังไฟฟ้าได้ทั้งกำลังไฟฟ้าของวงจรกระแสตรง และกำลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับ เพราะขดลวดทั้งขดลวดแรงดันและ ขดลวดกระแสสามารถรับแรงดัน ได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้ต้องไม่ให้กระแสที่ผ่านขดลวดกระแสเกินกว่าพิกัดของมิเตอร์ที่บอกไว้ และต้องไม่ให้แรงดันที่ป้อนเข้าขดลวดแรงดันเกินกว่าพิกัดของมิเตอร์ที่บอกไว้ ดังนั้นในการใช้วัตต์มิเตอร์วัดกำลังไฟฟ้า จึงควรต่อแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์ร่วมในวงจรด้วย เพื่อเป็นตัวแสดงค่าของกระแสและแรงดันทั้งหมดที่จะผ่านวัตต์มิเตอร์
วัตต์มิเตอร์ที่ใช้ในการทดลองใบงานนี้ เป็นวัตต์มิเตอร์ชนิดเฟสเดียว (Singlephase Wattmeter) ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถวัดแรงดันและวัดกระแสได้ 2 ย่านคือ วัดกระแสได้ 0.2 A และ 1 A วัดแรงดันได้ 120 V. และ 240 V. แบบหนึ่ง อีกแบบหนึ่งวัดกระแสได้ 1 A และ 5 A วัดแรงดันได้ 120 V. และ 240 V. การอ่านค่ากำลังไฟฟ้าจากวัตต์มิเตอร์ที่ถูกต้องจะต้องอ่านค่าจากหน้าปัดสเกลในตำแหน่งที่เข็มมิเตอร์ชี้ค่า นำมาคูณร่วมกับค่าตัวคูณในตารางที่แนบติดมากับตัววัตต์มิเตอร์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับค่าแรงดันและค่ากระแสที่ต่อวัดจากขั้วต่อของวัตต์มิเตอร์ ตารางแสดงค่าที่ตั้งวัดและค่าตัวคูณของวัตต์มิเตอร์ แสดงไว้ในตารางที่ 1
การต่อวัตต์มิเตอร์ เพื่อวัดกำลังไฟฟ้าจะต่อได้ดังแสดงในรูปที่ 2
เสริมความรู้ การคำนวณค่ากำลังไฟฟ้าในวงจรกระเเสสลับ
ค่ากำลังไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ จะต้องเป็นค่ากำลังไฟฟ้าจริง (True Power) หรือ PT สามารถเขียนเป็นสูตรได้ดังนี้
โดยที่ P คือ กำลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็นวัตต์ (W)
E คือ แรงดันไฟฟ้า มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
I คือ กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A)
Cos
คือ ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ของวงจร
ในวงจรที่มีโหลดเป็นความต้านทานบริสุทธิ์ (Pure Resistance) ค่า Cos
= 1
เเหล่งอ้างอิง
http://www.lampangtc.ac.th/lptc/sub-web/racharwit/pdf/16-content.pdf
http://www.kroo-suchat.com/index.php/2011-09-12-05-15-20/ohm-s-law/power
หนังสือ การวัดเเละเครื่องวัดไฟฟ้า โดย เอก ไชยสวัสดิ์
ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก http://pansak.50megs.com/Measu01/sheet01.html
ทางผู้จัดทำ ขอขอบคุณทุกๆที่ได้เข้ามาใช้ประโยชน์จาก Blog เผยเเพร่ข้อมูลเเห่งนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
วัตต์มิเตอร์แบบอิเล็กโทรไดนาโมมิเตอร์นี้สามารถนำไปวัดกำลังไฟฟ้าได้ทั้งกำลังไฟฟ้าของวงจรกระแสตรง และกำลังไฟฟ้าของวงจรกระแสสลับ เพราะขดลวดทั้งขดลวดแรงดันและ ขดลวดกระแสสามารถรับแรงดัน ได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและไฟฟ้ากระแสสลับ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้ต้องไม่ให้กระแสที่ผ่านขดลวดกระแสเกินกว่าพิกัดของมิเตอร์ที่บอกไว้ และต้องไม่ให้แรงดันที่ป้อนเข้าขดลวดแรงดันเกินกว่าพิกัดของมิเตอร์ที่บอกไว้ ดังนั้นในการใช้วัตต์มิเตอร์วัดกำลังไฟฟ้า จึงควรต่อแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์ร่วมในวงจรด้วย เพื่อเป็นตัวแสดงค่าของกระแสและแรงดันทั้งหมดที่จะผ่านวัตต์มิเตอร์
วัตต์มิเตอร์ที่ใช้ในการทดลองใบงานนี้ เป็นวัตต์มิเตอร์ชนิดเฟสเดียว (Singlephase Wattmeter) ถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถวัดแรงดันและวัดกระแสได้ 2 ย่านคือ วัดกระแสได้ 0.2 A และ 1 A วัดแรงดันได้ 120 V. และ 240 V. แบบหนึ่ง อีกแบบหนึ่งวัดกระแสได้ 1 A และ 5 A วัดแรงดันได้ 120 V. และ 240 V. การอ่านค่ากำลังไฟฟ้าจากวัตต์มิเตอร์ที่ถูกต้องจะต้องอ่านค่าจากหน้าปัดสเกลในตำแหน่งที่เข็มมิเตอร์ชี้ค่า นำมาคูณร่วมกับค่าตัวคูณในตารางที่แนบติดมากับตัววัตต์มิเตอร์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับค่าแรงดันและค่ากระแสที่ต่อวัดจากขั้วต่อของวัตต์มิเตอร์ ตารางแสดงค่าที่ตั้งวัดและค่าตัวคูณของวัตต์มิเตอร์ แสดงไว้ในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ค่าตัวคูณคงที่
การต่อวัตต์มิเตอร์ เพื่อวัดกำลังไฟฟ้าจะต่อได้ดังแสดงในรูปที่ 2
รูปที่ 2 การต่อใช้งานของวัตต์มิเตอร์
ตัวอย่างที่ ต่อวัตต์มิเตอร์ใช้งานที่ขั้วแรงดัน
120 V. ที่ขั้วกระแส 0.2 A เมื่อวัดค่าเข็มชี้บ่ายเบนไปบนสเกลชี้ค่าที่เลข
25 จะอ่านค่ากำลังไฟฟ้าได้เท่าไร
วิธีทำ ค่าตัวคูณของแรงดัน 120 V., กระแส 0.2
A คือ ค่า 0.2 (ดูตารางที่ 1 ประกอบ)
ค่ากำลังไฟฟ้าที่วัดได้
|
= ตัวเลขที่อ่านได้ x
ค่าตัวคูณ
|
= 25 x 0.2
|
|
P
|
= 5 W
|
ตัวอย่างที่ ต่อวัตต์มิเตอร์ใช้งานที่ขั้วแรงดัน
240 V ที่ขั้วกระแส 5 A เมื่อวัดค่าเข็มชี้บ่ายเบนไปบนสเกลชี้ค่าที่เลข
40 จะอ่านค่ากำลังไฟฟ้าได้เท่าไร
วิธีทำ ค่าตัวคูณของแรงดัน 240 V , กระแส 5 A คือ ค่า 10 (ดูตารางที่ 1 ประกอบ)
วิธีทำ ค่าตัวคูณของแรงดัน 240 V , กระแส 5 A คือ ค่า 10 (ดูตารางที่ 1 ประกอบ)
ค่ากำลังไฟฟ้าที่วัดได้
|
= ตัวเลขที่อ่านได้ x
ค่าตัวคูณ
|
= 40 x 10
|
|
P
|
= 400 W
|
เสริมความรู้ การคำนวณค่ากำลังไฟฟ้าในวงจรกระเเสสลับ
ค่ากำลังไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ จะต้องเป็นค่ากำลังไฟฟ้าจริง (True Power) หรือ PT สามารถเขียนเป็นสูตรได้ดังนี้
E คือ แรงดันไฟฟ้า มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
I คือ กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A)
Cos


เเหล่งอ้างอิง
http://www.lampangtc.ac.th/lptc/sub-web/racharwit/pdf/16-content.pdf
http://www.kroo-suchat.com/index.php/2011-09-12-05-15-20/ohm-s-law/power
หนังสือ การวัดเเละเครื่องวัดไฟฟ้า โดย เอก ไชยสวัสดิ์
ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก http://pansak.50megs.com/Measu01/sheet01.html
ทางผู้จัดทำ ขอขอบคุณทุกๆที่ได้เข้ามาใช้ประโยชน์จาก Blog เผยเเพร่ข้อมูลเเห่งนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย